สรุปสาระสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงล่าสุดของ GIA (The Gemological Institute of America)ต่อการประเมินเพชร Lab-Grown เทียบกับ Natural Diamonds

สรุปสาระสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงล่าสุดของ GIA (The Gemological Institute of America)ต่อการประเมินเพชร Lab-Grown เทียบกับ Natural Diamonds

GIA ได้ทำการแบ่งแยกอย่างชัดเจนว่า
เพชรที่สังเคราะห์ในห้องแล็บ (Lab-Grown Diamonds)จะ ไม่ถูกประเมินเกรดในแบบเดียวกับเพชรธรรมชาติ (Natural Diamonds)

  •  เพชรธรรมชาติจะได้รับการประเมินโดยละเอียดตามหลัก 4Cs ได้แก่
    • การเจียระไน (Cut)
    • สี (Color)
    • ความสะอาด (Clarity)
    • น้ำหนักกะรัต (Carat Weight)
  • ในขณะที่เพชรแล็บจะถูกจัดประเภทอย่างกว้างๆ เช่น “Premium” หรือ “Standard” โดย ไม่ใช้เกณฑ์ 4Cs อย่างละเอียดเหมือนเพชรธรรมชาติ

การเปลี่ยนแปลงนี้เน้นให้เห็นถึงความแตกต่างโดยเนื้อแท้ของเพชรทั้งสองประเภท

  • เพชรธรรมชาติ เกิดขึ้นมานานนับพันล้านปี และแต่ละเม็ดมีลักษณะเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกัน
  • เพชรแล็บถูกผลิตจำนวนมาก จึงขาดเอกลักษณ์และความพิเศษแบบเพชรธรรมชาติ

เมื่อคุณจะลงทุนในเพชร
การเข้าใจถึงความแตกต่างนี้คือสิ่งสำคัญ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลและความมั่นใจ

บทวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์และการตลาด

1. จุดยืนของ GIA ชัดเจนขึ้น

ก่อนหน้านี้ GIA เคยให้ใบเซอร์ทั้งกับเพชรแท้และ Lab-grown โดยมีการระบุ 4Cs แต่ตอนนี้ GIA เลือกที่จะลดรายละเอียดของ Lab-grown ให้เหลือเพียง “Premium” หรือ “Standard”
ส่งผลให้ มูลค่าของ Lab-grown ยิ่งแตกต่างจาก Natural มากขึ้น

2. เสริมจุดแข็งให้เพชรธรรมชาติ

ย้ำว่า “เพชรธรรมชาติไม่ซ้ำกันสักเม็ด”
ในขณะที่ Lab-grown เป็นสินค้า mass production → ช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภค เห็นคุณค่าในความหายากของเพชรธรรมชาติ

3. มีผลต่อมุมมองของผู้ซื้อเพชรเพื่อการลงทุน

นักลงทุนหรือผู้บริโภคที่ต้องการซื้อเพชรเพื่อเก็บมูลค่าหรือส่งต่อ
จะมีแนวโน้ม “หลีกเลี่ยง Lab-grown” มากขึ้น

สรุปสำหรับผู้ขายเพชรแท้ เช่น Petchchompoo Jewelry ทำให้มีจุดแข็งในการขายเครื่องประดับเพชรธรรมชาติ ดังนี้ :

  • เพชรแท้จากธรรมชาติ ยังเป็นมาตรฐานที่สูงสุดในวงการ
  • มีการรับรองแบบละเอียดจาก GIA
  • แต่ละเม็ดมีความเป็นเอกลักษณ์ ไม่มีใครเหมือน
  • จึงเหมาะทั้งใส่เพื่อความงาม และสะสมเพื่อมูลค่าในระยะยาว
05 June 2025 52

add line petchchompoo